แนวคิดเรื่องลิขสิทธิ์ ได้รับความเคารพมาเป็นระยะเวลากว่า 200 ปีในระบบกฎหมายระหว่างประเทศ ลิขสิทธิ์ได้สร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ จากการสร้างสรรค์และเผยแพร่เพลง, วรรณกรรม, ศิลปะ, ภาพยนตร์, ซอฟต์แวร์และงานสร้างสรรค์ในรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้ลิขสิทธิ์ยังช่วยปกป้องวัฒนธรรมและคุ้มครองความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางศิลปะ
ลิขสิทธิ์ เป็นผู้วางรากฐานความสำเร็จของเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเป็นส่วนสนับสนุนตำแหน่งงานให้แก่คนหลายล้านคนทั่วโลก ความเติบโตที่น่าทึ่งของธุรกิจศิลปะ, วัฒนธรรมและงานสร้างสรรค์ในเศรษฐกิจปัจจุบันนั้น คงจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไร้ความคุ้มครองอย่างเข้มแข็งของลิขสิทธิ์ที่ผ่านการพัฒนาขึ้นมานับสิบๆ ปีในหลายประเทศ
ตัวเลขประมาณการมูลค่าของอุตสาหกรรมในยุโรปและอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ พบว่าอยู่ที่ 360,000 ล้านยูโร และ 430,000 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ นับเป็นสัดส่วนถึง ร้อยละ 5 ของ GDP และยิ่งเมื่อเราเข้าสู่ยุคของการค้าอิเล็คทรอนิคส์ งานลิขสิทธิ์ยิ่งนับเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีมูลค่าสูงสุดที่สามารถซื้อ-ขายออนไลน์ได้
ลิขสิทธิ์ ช่วยคุ้มครองทุกคนที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมดนตรี ตั้งแต่ผู้ที่อยากเป็นศิลปิน ไปจนถึงศิลปินชื่อดังที่มีผลงานขายดีที่สุด และตั้งแต่บริษัทผู้บันทึกเสียงเล็กในประเทศ ไปจนถึงผู้สร้างสรรค์งานระดับระหว่างประเทศ ลิขสิทธิ์เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันกับทุกคนที่มีส่วนในการสร้างสรรค์งานดนตรีว่า เขาจะได้รับผลตอบแทนจากงานของพวกเขา
ลิขสิทธิ์ ช่วยคุ้มครองทุกคนที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมดนตรี ตั้งแต่ผู้ที่อยากเป็นศิลปิน ไปจนถึงศิลปินชื่อดังที่มีผลงานขายดีที่สุด และตั้งแต่บริษัทผู้บันทึกเสียงเล็กในประเทศ ไปจนถึงผู้สร้างสรรค์งานระดับระหว่างประเทศ ลิขสิทธิ์เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันกับทุกคนที่มีส่วนในการสร้างสรรค์งานดนตรีว่า เขาจะได้รับผลตอบแทนจากงานของพวกเขา
ลิขสิทธิ์ ช่วยคุ้มครองมูลค่าที่แท้จริงเบื้องหลังของงานเพลงนอกเหนือไปจากมูลค่าที่เกิดจากยอดขาย ลิขสิทธิ์ช่วยเป็นตัวแทนและให้ผลตอบแทนกับการสร้างสรรค์, หยาดเหงื่อ และการตรากตรำทำงานของผู้ที่สร้างและขายงานเพลง สัดส่วนราคาที่มาจากราคาขายของเทปหรือซีดีที่เกิดจากมูลค่าการผลิตนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย มูลค่าที่แท้จริงนั้นอยู่ในสิทธิและความคิดสร้างสรรค์ที่กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครอง
อุตสาหกรรมสิ่งบันทึกเสียงในระดับระหว่างประเทศนั้นอาจจะเติบโตได้ด้วยแรงผลักดันจากกลไกของตลาดและการค้า แต่หากมีความคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ไม่เพียงพอ อุตสาหกรรมนี้ก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ ผู้บันทึกเสียงได้ลงทุนไปหลายพันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับศิลปินหน้าใหม่แต่ละรายทั่วโลก ถ้าความคุ้มครองเรื่องลิขสิทธิ์ไม่เข้มแข็ง ก็จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนกับศิลปินใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ปัจจุบัน ยุคสมัยของการละเมิดลิขสิทธิ์ทางอินเตอร์เน็ต ได้ก่อให้เกิดความเสียหายที่สูงกว่าการขยายตัวของการละเมิดลิขสิทธิ์ของแผ่นซีดี
อุตสาหกรรมสิ่งบันทึกเสียงกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการขายสินค้าแบบดิจิตอล วิทยาการการรับ-ส่งเพลงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างมากมาย ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้สร้างสรรค์ ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภค แต่เพื่อที่จะให้เกิดความปลอดภัยในการคุ้มครองโลกของเสียงเพลงออนไลน์ให้เหมือนกับความคุ้มครองในโลกความเป็นจริงแบบเดิม กฎหมายลิขสิทธิ์ก็ต้องมีความทันสมัยด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลักการพื้นฐานเบื้องหลังกฎหมายยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลง กฎหมายลิขสิทธิ์ต้องช่วยส่งเสริมความคุ้มครองที่เข้มแข็งต่อศิลปิน ผู้ประพันธ์ และผู้ผลิตผลงาน ให้ปลอดภัยจากการละเมิดทางอินเตอร์เน็ต ผู้ถือสิทธิยังต้องมีความสามารถใช้วิทยาการทางอินเตอร์เน็ตเพื่อบริหารและควบคุมการใช้ผลงานของตนด้วยเช่นกัน
บริษัท เอ็มพีซี มิวสิค จำกัด ออกใบอนุญาตให้ในนามของสมาชิกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจบันเทิงไทยแก่บุคคลและองค์กรที่ประสงค์ให้การกระทำซ้ำเพื่อจุดประสงค์ใดๆ ก็ตาม (เช่น อัดเพลงเป็นเสียงแบ็คกราวนด์จำหน่าย เป็นต้น) เป็นไปอย่างถูกกฎหมาย ด้วยบริการออกใบอนุญาตของบริษัท ท่านจะสามารถใช้งานเพลงได้อย่างกว้างขวาง ทั้งเพลงของบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียง และค่ายเพลงอิสระจำนวนมาก
ในหน้านี้ ท่านจะสามารถคลิกหาแบบฟอร์มขออนุญาตกระทำซ้ำงานสิ่งบันทึกเสียง และหาคำตอบสำหรับคำถามเรื่องการขออนุญาตที่มีการถามเข้ามาบ่อยๆ หากยังคงต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม โปรดอีเมล์มาได้ที่ info@mpcmusic.co.th เรายินดีช่วยเหลือเสมอ
จึงจะถือว่าเป็นสิ่งบันทึกเสียงได้ ความคุ้มครองในงานสิ่งบันทึกเสียงนั้น เกิดขึ้นตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ อันได้แก่ ความคุ้มครองในการนำงานออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน และการนำงานออกแพร่เสียงแพร่ภาพ
ก็เมื่อมีผู้ได้ยินและได้รับชม ดังนั้น “การนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน” จึงหมายถึง การเล่นสิ่งบันทึกเสียงหรือการนำเสนอภาพประกอบเสียงให้ได้รับชมรับฟังในที่สาธารณะ การตีความคำว่า “สาธารณะ” นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของผู้ฟัง และผลกระทบที่การแสดงนั้นมีต่อมูลค่าของงานลิขสิทธิ์ ดังนั้นการแสดงแต่ละประเภทก็ต้องมีการพิจารณาแยกเป็นคราวๆ ไป ว่ากรณีใดจึงจะเรียกว่า “สาธารณะ” หรือ “สาธารณชน” อย่างไรก็ตาม ศาลได้มีแนวทางพิจารณาไว้บางประการเกี่ยวกับเรื่อง สาธารณชน ว่าสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสาธารณชน
การแสดงที่ไม่คิดเงิน
1.ผู้ชมกลุ่มเล็ก
2.ไม่เก็บค่าเข้า เพื่อฟังหรือชมการแสดง
3.การแสดงนั้นมีเพื่อกลุ่มบุคคลเฉพาะ เช่น สโมสร
ในส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งบันทึกเสียง การนำออกเผยแพร่นั้นไม่สนใจว่าสื่อที่ใช้จะเป็นสื่อชนิดใด ไม่ว่า เทป ซีดี ฯลฯ และเช่นเดียวกัน มิวสิควิดีโอที่ฉายให้รับชมนั้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อใด จอภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิดีโอ หรือดีวีดี ในทุกกรณีต้องได้รับอนุญาตเพื่อนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ จากเจ้าของสิทธิหรือผู้ได้รับมอบอำนาจอย่างถูกต้องเท่านั้น โดยในประเทศไทย เจ้าของลิขสิทธิ์ในงานสิ่งบันทึกเสียงเพลงสากล ได้รวมตัวกันและมอบหมายให้ “บริษัท เอ็มพีซี มิวสิค จำกัด" ออกใบอนุญาตให้ใช้สิทธิ ที่ครอบคลุมการใช้งานเพลงของเจ้าของสิทธิจำนวนมากในใบอนุญาตเพียงใบเดียว การขออนุญาตจึงง่ายและสะดวกสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง